ราคูเท็นฯ ใช้กูเกิล แอดเวิร์ด เพิ่มยอดขายให้ร้านค้าบนเว็บ

ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคกว่า 50% จะไม่ซื้อของเมื่อเข้าชมทันที แต่จะหาข้อมูลจากเครื่องมืออย่างเสิร์ชเอนจินก่อน ซึ่งกูเกิลถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญ

ด้วยเทคโนโลยีก้าวไกล การค้าขายออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าและบริการมีเกลื่อนเว็บไซต์ ผู้ให้บริการเว็บกลางหรือ อี-มาร์เก็ตเพลส ต้องหาบริการเสริมที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการด้วย
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง ราคูเท็น ตลาดดอทคอม กล่าวว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกเติบโตราว 31% จากปัจจัยของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ส่วนมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท เติบโตราว 20-25%
ทั้งนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีกสูง หากรัฐบาลไทยสนับสนุนและผลักดันเรื่องเศรษฐกิจดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งราคูเท็น ตลาดดอทคอม ก็พร้อมตอบรับนโยบายของรัฐบาลด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ใน บริการของลูกค้าบริษัท อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาลูกค้าของราคูเท็น ตลาดดอทคอม จะพบกับปัญหาในเรื่องของการเปิดร้านค้าออนไลน์แล้วไม่มียอดขาย ซึ่งสิ่งที่ราคูเท็น ตลาดดอทคอม มองคือการที่เว็บนั้นไม่มีการเข้าชมก็คือไม่มียอดขายแม้ว่าจะทำโปรโมชั่น แล้วก็ตาม
ล่าสุด ราคูเท็น ตลาดดอทคอม จึงจับมือกับกูเกิลเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการกูเกิล แอดเวิร์ด (Google AdWords) เพื่อนำเครื่องมือทางการตลาดมาช่วยเสริมทางด้านการขายให้แก่ลูกค้า ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว คู่ค้าของราคูเท็น ตลาดดอทคอม จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือต่าง ๆ ของกูเกิล รวมไปถึงการอบรมด้านผลิตภัณฑ์ และบริหารจัดการด้าน กูเกิล แอดเวิร์ดด้วย
นอกจากนี้ คู่ค้าของราคูเท็น ตลาดดอทคอม ที่ปัจจุบันมีกว่า 270,000 ราย จะได้รับการดูแลช่วยเหลือจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการจัดการ และวางแผนกลยุทธ์ในแคมเปญโฆษณา และการจัดแคมเปญโฆษณาในกูเกิล แอดเวิร์ด เพื่อก่อให้เกิดการซื้อขายออนไลน์
“ในจำนวนลูกค้าเรากว่า 2.7 แสนราย มีสินค้าวางจำหน่ายบนเว็บรวม 4 ล้านรายการ ถึงแม้จะมีปริมาณการซื้อขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการแข่งขันสูงและพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้นทำให้เราต้อง หาบริการที่ดีที่สุดให้กับคู่ค้าเพื่อรองรับความต้องการในเทรนด์อีคอมเมิร์ ซที่เติบโตขึ้นในยุคดิจิตอล”
นายภาวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคกว่า 50% จะไม่ซื้อของเมื่อเข้าชมทันที แต่จะหาข้อมูลจากเครื่องมืออย่างเสิร์ชเอนจินก่อน ซึ่งกูเกิลถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญ และเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มการเข้าชมร้านค้าขึ้นอีก 50% และมียอดขายเพิ่มขึ้น 40%
อย่างไรก็ตาม ในความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นไปตามรูปแบบของ Premier SMB Partner หรือ พาร์ตเนอร์ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางระดับพรีเมียม โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยผลักดันให้ผู้ค้ามีศักยภาพ และความสามารถในการแข่งขัน และกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และตรงกลุ่มเป้าหมาย
นายแมท เฮลเลอร์ หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรทางธุรกิจ กูเกิล ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 6 ที่มีความร่วมมือในลักษณะดังกล่าว กูเกิลคาดว่าในปีหน้าจะมีคนไทยเข้าถึงออนไลน์ 50% และในจำนวนนี้กว่า 76% จะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตในการหาข้อมูล ส่วน 56% จะเป็นการหาข้อมูลทางด้านการซื้อขาย ซึ่งในจำนวนนี้ 80% จะมีการซื้อจริง อีกทั้ง ยังเชื่อว่าเอสเอ็มอีที่ทำตลาดออนไลน์จะมีการเติบโตมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับเอสเอ็มอีที่ทำตลาดแบบออฟไลน์




(source)