‘มิ้นต์’ทุ่มสุดตัวเพื่อการแสดง เรื่องหัวใจขอหยุดไว้ที่‘ภูผา’

[post_ad]
คนไม่ชอบมิ้นต์เยอะด้วยข่าวหรืออะไรก็ตาม แต่เราไม่โกรธเลย ทุกคนมีสิทธิชอบไม่ชอบเราได้ทั้งนั้น เรารู้ดีเราเป็นคนยังไง อะไรไม่มีประโยชน์กับชีวิตเราไม่เอามาคิดมากละครม้ามืดมาแรงตอนนี้ต้องยกให้ละคร “สองหัวใจนี้เพื่อเธอ” ของค่ายโซนิกซ์ บูม 2013 ของผู้จัด ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล และผู้กำกับ ชุ-ชุดาภา จันทเขตต์ ที่มีนางเอกสาว “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ประกบคู่พระเอกหนุ่ม “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่สนุก ตื่นเต้น และฟินกับฉากกุ๊กกิ๊กชวนจิกหมอนจนทำให้แฟน ๆ ยก “มิ้นต์-โอ้” เป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ซะแล้วซึ่งเรตติ้งละครก็แรงไม่เบา งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอนัดสาวมิ้นต์มาพูดคุยสบาย ๆ ถึงการทำงานในละครเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องราวชีวิตทั้งปีของเธอที่มิ้นต์บอกเราว่าเป็นการทดสอบเธอจนทำให้ เข้าใจชีวิตยิ่งขึ้นทั้งงาน มิตรภาพในวงการบันเทิง ตลอดจนเรื่องราวชุ่มชื่นใจที่มีต่อหวานใจ “ภูผา เตชะณรงค์” จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามบทสัมภาษณ์ของสาวน้อยคนนี้กันค่า
กระแสตอบรับละครเรื่องนี้มาแรงมาก?
“ กระแสดีมาก ๆ ค่ะ คนชื่นชมเยอะมากเลย เป็นบทพิสูจน์ตัวเรา เชื่อมั้ยคะเรื่องนี้พอรู้ว่าคนดูชอบน้ำตาเกือบไหล เป็นละครเรื่องแรกที่ทุกคนชมเราตั้งแต่เริ่มต้น ปกติโดนติตลอดจนชิน แต่ครั้งนี้กระแสดีอาจเพราะบทบาทที่มิ้นต์ได้รับ เฮี้ยว ๆ สู้คน เถียงกับพระเอก ถึงบทไม่โตมาก แต่ก็สนุก ที่สำคัญคนมองว่าได้บทซ้ำ ๆ แต่เหตุผลของช่องเขาคงรู้สึกว่าเรายังเด็กเลยมีแต่บททำนองนี้ ถ้าบทที่อายุมากกว่าจะกลับมาเด็ก ก็ค่อย ๆ ไปแบบนี้ เรียนรู้ไปแต่ละก้าว งานก็จะละเอียดดี เรื่องนี้สนุกที่เถียงพระเอกแบบสุด ๆ ขนาดตีกันลากขึ้นเตียงก็ยังปะทะอยู่ ปกติฉากหวาน ๆ ต้องให้คนดูจิกหมอนใช่มั้ยคะ แต่มิ้นต์กับพี่โอ้ปาหมอนใส่กันมากกว่าค่ะ (หัวเราะ)”
จริง ๆ เคยร่วมงานกับโอ้มาก่อนมั้ย?
“เคยเจอตามงาน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มารู้จักกันเรื่องนี้ครั้งแรก มิ้นต์โชคดีที่ได้เล่นละครกับพระเอกใหม่ตลอดไม่ค่อยซ้ำ เรื่องนี้มิ้นต์เข้าเวิร์ก ช็อปกับพี่ชุ-ชุดาภา จันทเขตต์ ผู้กำกับก่อน คิดว่าพี่โอ้ต้องมีมาดนิดนึง เขาดูหล่อ แต่พอเจอจริง ๆ เป็นคนเฮฮา เป็นเด็กผู้ชายชอบรถ คุยได้ทั้งวัน ถ้าเข้าก๊วนพี่ ๆ กู้ภัย ยิ่งเข้ากันได้ดีเลยค่ะ ทำให้เราสนิทกันง่ายขึ้นนะ เวลาเรารวมแก๊งกันมีเล่นกัน คือวิธีเล่นของพวกเราทำให้สนิทพอเข้าฉากก็สนุกมาก”
แต่ฉากกู้ภัยนี่ชิล ชิล มั้ยหรือว่าต้องไปฝึกให้ทะมัดทะแมงสมจริง?
“ตอนพี่ชุติดต่อมาแล้วบอกว่ารับบทเป็นหน่วยกู้ภัยกังวลมาก เรากลัวเลือด แต่พอมาเจอพี่ใหญ่-ฝันดี เขาเป็นกู้ภัยอยู่แล้วก็สอนเราว่ามันต้องทำยังไง นั่งเรียนกับพี่ใหญ่หมดเลย เทคนิคเวลาคนเจ็บ การจับชีพจรที่ถูกต้อง มันไม่ใช่เรามาแอ๊คติ้งไป แรก ๆ มิ้นต์เคยแอ๊คติ้งไม่ค่อยคล่อง โดนพี่ชุดุเพราะเป็นวินาทีชีวิต คนดูเขารู้เราเล่นได้เพราะความเข้าใจหรือเปล่า”
เรื่องนี้มันสนุกยังไงบ้างในฐานะนางเอก?
“ความสนุกอยู่ที่ตัวเมฆ คือพี่โอ้ ที่เป็นคนกลับชาติมา มาบวกกับแก๊งกู้ภัยที่เมฆมีอะไรแปลก ๆ มาให้แกล้ง แม้แต่ในกองก่อนถ่ายเราก็ลุ้นนะพี่โอ้จะสื่อบทเมฆออกมายังไง พอพี่เขาเล่นเหมือนเขาเป็นเมฆจริง ๆ ค่ะ (หัวเราะ) แววตาพี่โอ้นี่ใสซื่อมาก แก๊งนี้นอกบทตลอด เราต้องมีสมาธิมากเหมือนกันไม่งั้นหลุดแน่ ๆ อยากให้แฟน ๆ ติดตามนะคะ”
แนวคิดที่คนดูจะได้จากละครเรื่องนี้ล่ะ?
“เรื่องกรรมเวร ทำอะไรไว้ผลจะได้แบบนั้น จุดจบของตัวร้ายในเรื่องของพี่แพท-ณปภา จะน่ากลัวมาก เรื่องจะค่อย ๆ ดราม่าขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ เหมือนรักโรแมนติกที่ไม่มีอะไร แต่มีเรื่องกรรมเวร ชาติที่แล้วไม่จบไม่สิ้นก็ต้องมาชดใช้ชาตินี้ต่อไป ละครมีแง่คิดสอดแทรกเยอะเหมือนกันค่ะ”
ถือว่าเป็นปีที่ดีของเรามั้ย เพราะมีละคร 2 เรื่องเลย?
“ใช่ค่ะ ได้เล่นละคร 2 เรื่องออนแอร์ต่อกันเลย ปีหน้ามิ้นต์พยายามจะรับละครให้มากขึ้น ประเด็นคือติดเรื่องเรียน เราเลยรับงานได้ไม่เต็มที่ นางเอกในช่องก็เยอะแต่ไม่พอใช้ ผู้จัดใหม่ ๆ เกิดขึ้นเยอะ หลังจากนี้มีละครคู่กับพี่บอย-ปกรณ์ เป็นซีรีส์ของพี่หน่อง-อรุโณชา 8 เรื่อง เรื่องราวพี่น้อง 8 คน มิ้นต์ว่า เราโชคดีที่ได้ลองอะไรใหม่ ๆ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เราก็สนุกไปกับงาน จะได้ค้นหาตัวเองทำยังไงให้ดียิ่งขึ้น แต่ละผู้จัดก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป
ในการทำงานเราเป็นคนละเอียดมากน้อยแค่ไหน?
“มากค่ะ มิ้นต์ไม่ได้เป็นคนมีพรสวรรค์ด้านการแสดง ร้องเพลง เดินแบบ หรือเสียงพูด ทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นดารา ต้องเรียนรู้มากกว่าคนอื่น เสียงมิ้นต์คนก็ติว่าน่าเกลียด เราก็นอยด์มากจนไปเรียนเพื่อแก้ไขกว่าจะดีขึ้นมา รู้หมดใครว่าอะไรมิ้นต์บ้าง ทั้งเสียง หรือแม้แต่ฟันที่คนว่ามิ้นต์ทำไมฟันเยอะจัง หนูจะทำยังไงร่างกายหนูเป็นแบบนี้ เราดัดฟันตั้งแต่อายุ 12 จนป่านนี้ไม่เสร็จซะทีเพราะคนยังไม่ชอบ คือหมดเป็นล้านแล้วมั้งคะ แต่ได้เท่านี้จริง ๆ นะคะ (หัวเราะ)”
เรียกว่าชินกับการโดนติติงแล้ว?
“ชินแล้วค่ะ (หัวเราะ) ไม่ใช่แค่คนอื่นนะ คนในครอบครัวมิ้นต์อะไรที่ไม่ดีก็ตักเตือนเลยตรง ๆ ไม่มาพูดเอาใจ บ้านเราเป็นบ้านที่พูดความจริง ไม่ดีน้องก็ติ เช่นร้องเพลงนี่ร้องแล้วเหรอ เรียนมาจริงเหรอ (หัวเราะ) เราเลยชินกับการโดนติแล้ว เรามองโลก เราก็พุชตัวเองต้องทำให้ได้”
มิ้นต์ดูไม่เศร้ากับคำติติง หรือคนวิจารณ์เราแรงๆ?
“ไม่เอาตรงนั้นมาบั่นทอนค่ะ เข้าวงการมาตั้งแต่ 12 ปี คือรับฟังเขา แต่เราเจอมาหมดแล้วจริง ๆ 2-3 ปีที่ผ่านมา ข่าวหนักกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว สิ่งที่ผ่านมาทำให้มิ้นต์เรียนรู้ แต่เลือกเผชิญความจริงว่าเราเป็นคนแบบนี้ ไม่เคยแอ๊บเรียบร้อย มิ้นต์เชื่อว่าวันนึงคนต้องเห็นเองว่าเราเป็นคนยังไง การไม่เป็นตัวเองมันเหนื่อยนะคะ ยิ่งโกหก คนก็ยิ่งอยากรู้ความจริงสู้ยอมรับเดี๋ยวมันก็จบไป”
ช่วงเจอข่าวเยอะ ๆ กำลังใจที่ทำให้เข้มแข็งจากไหนบ้าง?
“หลัก ๆ คือจากครอบครัว คนรอบข้าง และคนที่รู้จักเราจริง ๆ เพราะบางคนไม่รู้จักเราเลย หนูไม่เศร้านะ หนูค่อนข้างเข้มแข็งกับเรื่องพวกนี้ คิดว่าเราอยู่วงการตั้งแต่เด็ก เจอมาหลายอย่างเหมือนกัน สิ่งที่เรียนรู้คือเป็นบทเรียนที่ใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันเจอนะ หนูเป็นคนคบใครให้เต็มร้อยกับเพื่อน แต่การฟังความข้างเดียวโดยไม่ไตร่ตรองอาจทำให้เราสูญเสียเพื่อนที่ดีไป คงแก้อะไรไม่ได้ สุดท้ายใครอยากอยู่ก็อยู่ ใครอยากไปก็ไป แต่มิ้นต์เชื่อว่าวันนึงเขาจะมองเห็นเองว่าเราเป็นคนยังไง”
คนก็มองว่ามิตรภาพที่เคยมีกลับหายไป จนได้ฉายา “มิ้นต์ร้อยกลุ่ม” เคยได้ยินหรือเปล่า?
“เคยค่ะ อาจจะไม่เหมือนเดิม เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันคงไม่สามารถผูกพันเหมือนเดิมได้ หนูก็ปล่อยเป็นเรื่องธรรมชาติ มิ้นต์คบใครก็ได้ อยู่กับใครแล้วสบายใจก็อยู่ได้หมด อยากทำตัวเงียบที่สุดกับเรื่องนี้ เพราะทุกคนจับตามอง แต่กลับเป็นข่าวว่าเราพยายามเข้ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ทั้งที่เราไม่ได้อยากคบคน ดัง ขอแค่เพื่อนที่จริงใจ ความสนิทเราไม่ได้ออกมาทางโซเชียลนะคะ บางทีแค่ไปเจอเขาไม่ต้องถ่ายรูปกันก็ได้ เดี๋ยวนี้คนตัดสินกันที่โซเชียลเกินไป เราไม่ได้เป็นคนเจอใครดังหน่อยก็ไปขอถ่ายรูปลงไอจีนี่คะ”
พอจะมีเพื่อนเข้ามา หรือจะสนิทกับใครเรามีกำแพงมากขึ้นมั้ย?
“ใช่ค่ะ อย่างที่บอกเราเป็นคนให้เต็มร้อย หลายคนเราอยู่กับเขาตั้งแต่เขาไม่มีอะไร แต่หลังจากมีเรื่องก็รู้สึกว่าต้องมีช่องว่างมากขึ้น มองคนให้ลึกกว่านั้น มันยากนะถ้าไม่เจอกับตัวไม่รู้ ไม่สามารถบรรยายให้ทุกคนเข้าใจได้เลย แต่เรื่องเพื่อนละเอียดอ่อนจริง ๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างผ่านไป อยู่กับปัจจุบันที่มีอะไรให้ทำอีกเยอะค่ะ”
พอเกิดเรื่องเพื่อนในวงการ มิ้นต์ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวแทน?
“ไม่เลยค่ะ บ้านมิ้นต์เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ทุกวันนี้เรากับน้องชายยังนอนด้วยกัน เพราะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น หนักแน่น ไม่แปลกที่เวลามีข่าวอะไร ครอบครัวจะออกมาปกป้อง ตั้งแต่เด็กพ่อปลูกฝังให้ไปไหน ไม่คุณแม่ก็น้องต้องไปเป็นเพื่อนจนปัจจุบัน บ้านเรามีครบแค่นี้ก็พอแล้ว”
ตอนนี้ชีวิตแฮปปี้ดีมั้ย?
“แฮปปี้มากค่ะ อะไรที่หนูผิดพลาดเราไม่เก็บมานอยด์ แต่มองว่าทุกอย่างเป็นครูมองโลกในแง่ดี อะไรที่ดูไม่สบายตา ก็เลือกไม่เก็บ คนไม่ชอบมิ้นต์เยอะด้วยข่าวหรืออะไรก็ตาม แต่เราไม่โกรธเลย ทุกคนมีสิทธิชอบไม่ชอบเราได้ทั้งนั้น เรารู้ดีเราเป็นคนยังไง อะไรไม่มีประโยชน์กับชีวิตเราไม่เอามาคิดมาก เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรักเราเท่าครอบครัวเราค่ะ”
ความรักก็เติบโตชัดเจนขึ้นกับ “ภูผา”?
“ใช่ค่ะ ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป บ้านมิ้นต์ไม่ว่าเพื่อนผู้ชายคนไหนเข้ามาก็ต้องดูช่วยกันบอก ฉะนั้นผู้ชายที่เข้ามาต้องรักและเข้ากับครอบครัวหนูได้ นี่คือเรื่องหลัก ๆ เลยที่เราขอ นึกภาพไม่ออกถ้าวันนึงแต่งงานไปจะเป็นยังไงต้องแยกบ้านกันเหรอ คงเหงามาก ตอนนี้คิดว่าเก็บเงินซื้อที่เพื่อปลูกบ้านเอาไว้อยู่ด้วยกันรั้วเดียวกันนี่ คือคิดไว้นะคะ”
คุยกับภูผามานานแค่ไหนแล้ว?
“3-4 ปีแล้วค่ะ นานเหมือนกัน รู้จักกันตั้งแต่มัธยม จนตอนนี้เราก็ยังเหมือนเดิม ไม่ค่อยทะเลาะกัน เราแมน ๆ ทั้งคู่ เราเข้าใจว่าทุกคนต้องการการเติบโต เลยไม่ซีเรียสเรื่องเวลาเจอเท่าไหร่ แต่เราไปไหนปกติ ไม่ค่อยตัวติดกันแบบคู่อื่น ความเชื่อใจก็มีให้กันในระดับนึง ขอเวลาดูกันไป มิ้นต์ให้ความสำคัญกับเรียนและงานมากกว่า ปล่อยให้เป็นธรรมชาติไปง่าย ๆ เลยยังไม่อยากใช้คำว่าแฟนค่ะ”
เวลาที่เราเจอข่าวหนัก ๆ เขาให้กำลังใจยังไงบ้าง?
“ช่วงนั้นที่หนูเจอข่าวแรง ๆ พี่เขาบวชพระอยู่ เขาจะเอาธรรมะมาสอน ช่วงนั้นปลงจากข่าวแรง ๆ ไปได้ เพราะเขาช่วยสอนเรา ปกติเขาไม่เคร่ง พอบวชเขาอินจนเกือบอยากบวชอีกครั้งตลอดชีวิตเลยนะ มันคือเรื่องจริงของมนุษย์ที่ตอนนี้เสพทุกอย่างจนหลงระเริงไปกับแสงสีเสียง หมดแล้ว บางทีแค่อยู่กับตัวเอง ถ้าเราคิดสะอาด จะมีความสุขโดยไม่ต้องสนอะไรมากค่ะ”
คนแซวว่าเป็นสะใภ้เล็กบ้าน “เตชะณรงค์” ด้วย?
“หนูก็ไม่ชินอยู่ดี (ยิ้ม) อีกหลายปีค่อยมาถาม แต่ในมุมสองครอบครัวของเราก็แฮปปี้เข้ากันได้ดี ซึ่งคุณพ่อพี่ผาชอบดูละครเราด้วย จริง ๆ ก็มีความสุขที่เขาน่ารักกับเราค่ะ”
การเรียนตอนนี้ล่ะ?
“ตอนนี้ปี 3 จะขึ้นปี 4 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดค่ะ อีกนิดนึงจะจบแล้ว ก็พยายามเต็มที่ คิดว่าเรียนจบจะเรียนต่อเลย ไม่อยากขาดช่วง มิ้นต์ยังหาตัวเองไม่เจอด้วยแหละเลยอยากค้นหาตัวเองก่อน อาจจะเรียนต่อด้านการเงินต้องดูอีกทีค่ะ”
สิ่งที่มิ้นต์ไม่เปลี่ยนคือเป็นดาราธรรมดาที่ไม่ได้ติดแบรนด์หรูหรา?
“(หัวเราะ) ใช่ค่ะ คือยอมรับว่ามีซื้อเก็บบ้าง แต่ไม่ค่อยเอามาใช้แล้วถ่ายรูปลงไอจีว่าเรามี อยากใช้ก็ใช้ ไม่อยากใช้ก็สบาย ๆ เป็นคนเก็บของไม่ดีด้วย เลยไม่คิดว่าจะต้องมีไว้เพื่อความเก๋ สังเกตได้เลยในไอจีมิ้นต์ไม่ค่อยมีแบรนด์ อีกอย่างงกด้วย เพราะเรายังทำบ้านอยู่ยังไม่เสร็จ ยังเกิดการแก้ไขอีกเยอะ เพราะเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตก็ทุ่มให้บ้านหลังนี้หมดค่ะ”
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ที่ชื่นชอบและติดตามเราบ้าง?
“ขอบคุณทุกกำลังใจไม่ว่ามิ้นต์จะมีข่าวที่ดีหรือไม่ดี คนที่รักเราเราเข้าใจกันอยู่แล้ว แต่ถ้าใครตัดสินเราด้วยข่าวก็ดี อยากให้เปิดใจศึกษาตัวตนมิ้นต์ก่อน เชื่อได้ว่าคนที่รักมิ้นต์จะไม่เสียใจแน่นอน สุดท้ายติดตามความรักในละคร “สองหัวใจนี้เพื่อเธอด้วย” นะคะ ข้อติติงที่เกิดขึ้นเราก็จะเอาไปปรับปรุงต่อไปขอบคุณค่ะ”
จากการพูดคุยกับ “มิ้นต์” ครั้งนี้ เราได้เห็นการเติบโต มุมมองชีวิตที่ถึงเจอเรื่องหนัก ๆ แต่เธอไม่ท้อ ที่สำคัญตั้งใจทำงาน และวางตัวในวงการได้โอเคจริง ๆ ยังไงเป็นกำลังใจให้กับเธอต่อไปในทุก ๆ เรื่องด้วยนะคะ.



(source)
‘มิ้นต์’ทุ่มสุดตัวเพื่อการแสดง เรื่องหัวใจขอหยุดไว้ที่‘ภูผา’
Reviewed by sovanndy
on
1:05 AM
Rating:

No comments: