'บิ๊กตู่'แช่งดึงฟ้าต่ำไม่ตายดี จี้หลบหนีต่างแดน/มาสู้คดี

[post_ad]

“บิ๊กตู่”ร่ายยาว 2 ชั่วโมงมอบนโยบายงานแม่น้ำ 5 สาย แช่งพวกดึงฟ้าต่ำไม่ตายดีแน่ เรียกคนหลบในต่างแดนมาสู้คดี ขู่ถ้าชาติไม่สงบก็นั่งทำงานต่อ

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ได้เริ่มการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ประกอบด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี(ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ร่วมเป็นประธานการประชุม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวมอบนโยบายการทำงานแม่น้ำ 5 สาย พร้อมชี้แจงการทำงานของรัฐบาล ว่า ขอให้ทุกฝ่ายทำงานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อประเทศไทย ทุกคนต้องยอมรับกติกา ให้ประเทศปลอดภัยมั่นคง และประชาชนมีความสุข ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้ประเทศไทยมีที่ยืนในนานาชาติ วันนี้หลายเรื่องดีขึ้น ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ แตกต่างจากทุกเหตุการณ์ในอดีต เช่น 14 ต.ค.2516 หรือ 6 ต.ค.2519 เพราะเป็นการทะเลาะเรื่องประชาธิปไตย จึงต้องร่วมมือกัน ขอร้องอย่าไปสร้างความบิดเบือนด้วยการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา ถ้าตนไม่ทำแบบนี้ประเทศล้มไปแล้ว เพราะประเทศใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ ประเทศจะอยู่ได้อย่างไร ตนไม่ใช่เป็นผู้เริ่มต้นปัญหา ถ้าไม่มีเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครที่อยู่ต่างประเทศขอให้กลับมาพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมด้วยตัวเอง ไม่ใช่ไปต่อสู้กันอยู่ข้างนอก ตนอายเขาที่มีคนหนีไปต่างประเทศ วันนี้ต้องเลิกปลุกปั่น บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความเกลียดชัง สถานการณ์บ้านเราเหมือนมีแม่น้ำประชาธิปไตยขวางอยู่เส้นหนึ่ง ซึ่งทุกคนกำลังข้ามแม่น้ำ แต่วันนี้รัฐบาลเข้ามาเป็นสะพานให้ทุกคนข้ามแม่น้ำสายนี้ไปให้ได้ บางคนพร้อมเดินข้ามสะพาน แต่บางคนยังพยายามว่ายน้ำข้ามไป อย่างนี้ก็ตายอยู่ข้างล่าง เมื่อใดที่มีเหตุการณ์ ทหารต้องขยับเข้ามา เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ทหารเข้ามาอีก เพราะเข้ามาแล้วเหมือนถูกซักฟอก คนดีไม่อยากเข้ามาเพราะมันเปลืองตัว อย่างไรก็ตามมีสิ่งเดียวที่ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันคือกฎหมาย ถ้าทุกคนอยู่ใต้กฎหมายทุกอย่างจะเดินหน้าได้หมด ส่วนโรดแม็พการทำงาน 6-4-6-4 ของรัฐบาลนั้น พวกตนจะอยู่เท่าที่จำเป็น ไม่คิดสืบทอดอำนาจ ตนเข้ามาเพื่อยุติความรุนแรง

“การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมยืนยันได้ว่าท่านไม่เคยลงมาเกี่ยวข้อง พวกผมอยู่ใกล้ชิดและถวายงานมาตลอด ท่านไม่เคยรับสั่งว่าเกลียดสีนั้นสีนี้เลย แต่กลับมีข้างหนึ่งว่าท่าน ทำไมต้องว่าสถาบันทำไมต้องเอาท่านลงมาเกี่ยวข้อง ท่านพระราชทานพระราชอำนาจมาทั้งหมดแล้วทั้ง 3 อำนาจ ท่านอยู่เหนือความขัดแย้ง อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ลงพระปรมภิไธยในเรื่องที่กฎหมายกำหนดไว้ ถามว่าทำไมตอน 14 ตุลา ท่านหยุดได้ เพราะข้างหนึ่งเป็นทหาร รับสั่งอะไรลงมาทหารต้องทำหมด อีกข้างก็ต้องเลิก แต่วันนี้มันเลิกกันหรือไม่ สองข้างไม่ยอมเลิกแต่ไปเอาท่านลงมาอีก ขอเถอะครับอย่าเอาท่านลงมาเลย พวกผมยอมไม่ได้อยู่แล้ว แต่เราจะบังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น เพราะถึงอย่างไรท่านก็พระราชานอภัยโทษอยู่แล้ว แต่มีหลายคนได้รับการนิรโทษกรรมมาแล้ว แต่ก็กลับมาทำแบบเดิมอีก คนพวกนี้ไม่เคยมีความกตัญญู มันไม่ตายดีหรอกผมจะบอกให้ ผมพูดแล้วจำคำพูดผมไว้แล้วกัน”นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนวาระการปฏิรูปของสปท.นั้นให้นำไปใส่ไว้ในนโยบายรัฐบาล 11 ด้านที่แถลงไว้ต่อสนช. มิฉะนั้นการทำงานจะไม่ทัน โดยให้ตั้งคนที่ชำนาญงานเข้าไปทำงานแต่ละด้าน และตั้งวิปเข้ามาเพื่อประสานงาน ลดภาระ รวมทั้งสร้างองค์ความรู้ให้ประชาชน ไม่ให้แยกกันทำงาน โดยให้แม่น้ำ 4 สาย คือครม. สปท. สนช. และกรธ. ลงไปพบประชาชนในพื้นที่พร้อมกันเพื่อเตรียมการไปสู่การเลือกตั้งให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องกฎหมายเร่งด่วนขอให้ประสานกับสนช.

“กรธ.ให้ทำงานไป เรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก ผมไม่เข้าใจไม่ต้องมาถาม ฝ่ายการเมืองไม่ต้องมาระแวงผม เขียนทุกวันว่าผมจะอยู่ในอำนาจ ถ้าไม่สงบเรียบร้อย ผมก็อยู่ต่อ จะปิดประเทศก็ต้องปิดกันไป ถ้าเอามวลชนมา แกนนำต้องโดนก่อน โดยเฉพาะคนที่พูดมาก ผมมีอำนาจอยู่ วันนี้แม่น้ำ 5 สาย ต้องร่วมกันทำงาน ถ้าตายต้องตายตกไปตามกัน แต่อยากให้สร้างประวัติศาสตร์ร่วมกันนำประเทศไปสู่ความมั่นคั่ง มั่นคง วันนี้นายทุกคนรับคำสั่งผมไปต้องไปสั่งต่อ และต้องรู้ว่าคนข้างล่างทำอะไรไปบ้าง เพราะแต่ละกระทรวงมีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ถ้าผิดต้องแจ้งมา จะได้ยื่นป.ป.ช.ดำเนินการ ผมจะไม่ใช้มาตรา 44 ดังนั้นขอขอบคุณ ถ้ามีอะไรติดต่อกันได้ก็เชิญ จะได้ไปด้วยกัน เข้าเกียร์หนึ่งด้วยกัน เพื่อมาเข้าเกียร์สอง และส่งต่อเกียร์ 3 เกียร์ 4 ไปเรื่อยๆ ขอให้สิ่งที่ทำทั้งหมดวันนี้เป็นความภาคภูมิใจ เป็นประวัติศาสตร์เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

โดยนายพรเพชร ได้แจ้งในช่วงท้ายของการประชุม ว่า คำถามต่างๆของสมาชิกที่ยื่นมาทั้ง 4 คำถามนั้น นายกรัฐมนตรีได้ตอบไปหมดแล้ว จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 11.55 น. ท่ามกลางเสียงปรบมือจากสมาชิกในห้องประชุม โดยพล.อ.ประยุทธ์ ยกมือไหว้ขอบคุณ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีใช้เวลาชี้แจงและมอบนโยบายทั้งสิ้นกว่า 2 ชั่วโมง.

(source)