Top Ad unit 728 × 90

Breaking News

recent

ประสงค์สะกิดเตือนคสช. "อย่าผลักมิตรไปเป็นศัตรู"


[post_ad]
"สงค์สุ่น-ซีไอเอเมืองไทย" ออกโรงสะกิดเตือน "คสช." อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู ลั่นปรองดองจะเกิดได้ คนทำผิดต้องรับโทษเสียก่อน ยกเคส "สมัยป๋าเปรม" มาสอนวิธีแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และอดีตรมว.ต่างประเทศ เจ้าของฉายา "ซีไอเอเมืองไทย" กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทย นับแต่มีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.58 จนถึงปัจจุบันว่า อยากให้ทุกคนอย่ามองเพียงช่วงปีเศษที่ผ่านมา แต่ต้องมองย้อนหลังไปว่า ประเทศเรามีปัญหาอย่างนี้มาก-น้อยเพียงใด ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นมรดกตกทอดจากยุคก่อนๆ ซึ่งหากย้อนไปตั้งแต่ปี 2475 จนถึงปัจจุบัน 83 ปี จะพบว่ามี 4 ยุคใหญ่ๆ คือ

1.ยุค 2475-2490 ที่ปฏิวัติยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ ใช้เวลาเพียง ถือเป็นยุคทดลองประชาธิปไตย

2.ยุค 2490-2516 เป็นยุคที่ชุกชุมไปด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร

3.ยุค 14 ต.ค.16 - 6 ต.ค.19 ยุคเรียกร้องให้มีประชาธิปไตย คือปฏิวัติทีไรมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวทุกครั้ง

4.ยุค 2519-2558 ที่เรียกว่า ยุคการเมือง + ทุนนิยมสามานย์

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 4 ยุคนี้ ยุคที่เสื่อมโทรมคือ ยุคที่ 2 เป็นต้นมา เพราะยุคที่ 1 เป็นแค่เริ่มต้น ทดลองประชาธิปไตย แต่ยุคนั้น การทุจริตคดโกง แทบมองไม่เห็นเลย พอมายุคที่ 2 เดี๋ยวก็เกิดรัฐประหาร ออกรัฐธรรมนูญชั่วคราว แม้ว่ายุคที่ 2 จะมีถนนหนทาง น้ำไหลไฟสว่าง แต่ก็มีการทุจริตคดโกงในงบประมาณ และเริ่มมีภาคธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นยุคทหาร กฎของทหาร กติกาของทหาร

"ถึงได้บอกว่า อย่ามองเพียงแค่วันนี้-เดี๋ยวนี้ ให้มองปัญหาย้อนกลับไป เป็นมรดกตกทอด การทุจริตคดโกงสะสมตามมาเป็นลำดับ เวลาแก้ไขจะได้มองรอบด้าน ดูความผิดพลาดจากสิ่งที่ผ่านมาในยุคต่างๆ จะได้เป็นตัวอย่างในการแก้ไขปัญหาในวันข้างหน้า"น.ต.ประสงค์กล่วและว่า สถานการณ์หลังรัฐประหารปีเศษที่ผ่านมา คือปัญหาที่เป็นมรดกตกทอดที่สะสมมา คณะรัฐประหารชุดนี้ (หมายถึง "คสช."-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ไม่ได้ทำขึ้น แต่เป็นสิ่งที่ตกค้างมา โดยเฉพาะในยุคที่ 4 ถือว่าโหดร้ายที่สุดในเรื่องการทุจริตคดโกง ประสาน 3 ฝ่ายคือ ข้าราชการ-นักการเมือง-นักธุรกิจ และตกทอดมาจนถึงในขณะนี้ ที่เรียกกันว่า โกงกันทั้งโคตร หรือโคตรโกง เราจะมองเฉพาะสิ่งที่เราเห็นข้างหน้าไม่ได้ ฝากให้ "คนยึดอำนาจ" ต้องมองย้อนหลังว่า การเข้ามามีอำนาจในขณะนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ-รัฐบาลเฉพาะกาล จุดมุ่งหมายคือขจัดความไม่ดี ที่นักการเมืองทำไม่ดี ทำให้บ้านเมืองเสียหาย มันแย่ไปหมด ดังนั้นจะบริหารจัดการแบบรัฐบาลปกติไม่ได้

"สิ่งที่ทำให้พวกคุณต้องใช้กำลังยึดอำนาจเพราะอะไร ลองดูสิ มีอะไรที่คุณต้องออกมาจัดการด้วยกำลังทหาร สิ่งตรงนั้น ได้จัดการไปอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วหรือไม่ มรดกตกทอดมันค้างคาอยู่ตรงไหน เคยเอาใจใส่หันมามองหรือไม่ หากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังคงอยู่ ก็คงยากจะจัดการแก้ปัญหาให้เรียบร้อย คุณจะสร้างบ้านเมืองให้ดีขึ้นไม่ได้ หากทุกสิ่งทุกอย่างยังเลอะเปรอะเปื้อน เหมือนพื้นดินยังมีสิ่งสกปรก ยังไม่ได้จัดการให้ดี แล้วจะไปสร้างอะไรให้คงทนถาวร"อดีตเลขาธิการสมช.ระบุ

น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึงปัญหาความแตกแยก ร้าวลึกในสังคมไทย ว่า ในการสร้างความปรองดองนั้น อยากให้มองย้อนกลับไปในสมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเวลานั้นก็มีความขัดแย้งมากมาย มีคนยุยงคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีนิสิตนักศึกษาเข้าร่วม เข้าป่ากัน จับกุมกัน แต่การแก้ไขปัญหาการปรองดองคราวนั้น ทำไมคณะทหารชุดนี้ไม่หันไปดูในเรื่องเก่า ๆ ว่าเค้าแก้อย่างไรถึงสงบเรียบร้อย

"ที่เค้าทำคือ ใครก็ตามที่ทำความผิดกฎหมาย ดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ หรือดำเนินการเรื่องใด ที่กฎหมายถือว่าเป็นอาชญกรรม คนเหล่านี้ต้องรับโทษเสียก่อน สมัยปี 2523-2525 นิสิตนักศึกษาที่เคยทำความผิด ฆ่าเจ้าหน้าที่ เราก็แยกออกมา มาชี้แจงกันเลย ก่อนปล่อยกลับบ้าน ดูแลพฤติกรรมอยู่ แต่คนทำผิดอาญาชัดเจน ก็ต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม เมื่อเรียบร้อย ก็ติดตาราง จากนั้นถึงได้รับอภัยโทษ"น.ต.ประสงค์กล่าวและว่า สำหรับปัญหาความขัดแย้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีมวลชนต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกัน ใครที่ไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง หรือฆ่าฟันเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ดูหมิ่นสถาบัน คนเหล่านี้ ทำไมไม่แยกออกจากพวกหัวโจก หรือสมุนบริวารใกล้ชิดที่มีการกระทำผิดอาญา ไม่ใช่ไปเหมารวม ใครทำความผิดต้องรับโทษ ความขัดแย้งจะได้ไม่มี เพราะคนเหล่านี้จะมีคนชักนำอยู่ แต่ทุกวันนี้ เจ้าของปัญหา คนชักนำ ยังลอยนวลอยู่

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อวา เรื่องการปรองดองของคณะรัฐประหารชุดนี้ ที่ชอบบอกว่า เข้ามาเพราะคน 2 ฝ่ายทะเลาะกัน แต่ไม่ได้แยกแยะว่า ฝ่ายที่ออกมาต่อสู้เพื่ออะไร เสียสละอะไร บางคนเสียชีวิต เสียเวลาทำมาหากิน ถ้าไม่แยกแบบนี้ ก็ปรองดองไม่ได้ ถ้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อไหร่ จะเกิดความปรองดอง การไม่แยกมิตรแยกศัตรู จะเห็นว่า ยึดอำนาจช่วงแรก...คนพอใจ พอระยะหลัง...คนเริ่มอยู่เฉยๆ เดี๋ยวนี้...เริ่มออกห่าง อย่าเอามิตรมาเป็นศัตรู





(source)
ประสงค์สะกิดเตือนคสช. "อย่าผลักมิตรไปเป็นศัตรู" Reviewed by sovanndy on 8:48 AM Rating: 5

No comments:

All Rights Reserved by Load Thai Post © 2014 - 2015

Contact Form

Name

Email *

Message *

Powered by Blogger.