อุตสาหกรรมหยกเมียนมา "เอื้อประโยชน์" ให้กองทัพ

[post_ad]

รายงานขององค์กรด้านความโปร่งใสจากอังกฤษระบุว่า อุตสาหกรรมหยกของเมียนมามีมูลค่าสูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว และยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของทหาร

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ว่า "โกลบอล วิตเนส" ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรจากอังกฤษ ที่ติดตามการละเมิดสิทธิมนุษยชน การคอร์รัปชั่น และการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรม ออกรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า มูลค่าการค้าผลิตหยกในเมียนมาเมื่อปีที่แล้ว สูงถึงราว 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.1 ล้านล้านบาท ) สูงกว่ายอดจำหน่ายในตลาดหยกที่รัฐบาลเผยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาเดียวกัน ว่าอยู่ที่เพียง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 121,040 ล้านบาท )



ทั้งนี้ ตัวเลขตามรายงานโกลบอล วิตเนส คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของเมียนมาตลอดทั้งปีที่แล้วเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมหยกของเมียนมาอาจกลายเป็น "การปล้นทรัพยากรธรรมชาติ" ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ เนื่องจากโกลบอล วิตเนส ตรวจพบความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเจียระไนหยกของเมียนมานับตั้งแต่ เดือนก.ย.ปีที่แล้ว หลังเปิดฤดูกาลทำเหมืองครั้งใหม่



รายงานของโกลบอล วิตเนส ระบุด้วยว่า อุตสาหกรรมหยกของเมียนมาส่วนใหญ่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ และมีความเชื่อมโยงกับทหารระดับสูงของประเทศทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่รวมถึงนายพลตาน ฉ่วย และขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่หลายแห่ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐยังคงคว่ำบาตรหยกจากเมียนมา แม้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรด้านอื่นไปมากแล้วก็ตาม เพื่อ "ตอบแทน" นโยบายปฏิรูปประเทศของรัฐบาลชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ขณะที่เมียนมากำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พ.ย. นี้





(source)