เพียงครึ่งชั่วโมงนับจากสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายที่ อาร์เซนอล ถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-0 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา - ที่เมอร์ซีย์ไซด์ ลิเวอร์พูล ประกาศการปลดเบร็นแดน ร็อดเจอร์ส พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
[post_ad]
ท่ามกลางความเห็นมากมาย หนึ่งในความเห็นใจและข้อสงสัยที่เกิดขึ้นคือ หากกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือดึง อเล็กซิส ซานเชซ เพื่อมาแทนที่ หลุยส์ ซัวเรซ เมื่อปี 2014 จะมีอะไรที่แตกต่างไปจากนี้หรือไม่?
ในครั้งนั้นลิเวอร์พูล “เฉียด” จะได้ตัวดาวเตะชาวชิลีมาร่วมทีมอยู่แล้ว แต่สุดท้ายประวัติศาสตร์ และรองแชมป์ฤดูกาล 2013-14 ก็พ่ายแพ้ต่อแรงยั่วยวนของมหานครลอนดอนจนได้

ซานเชซ เลือกจะย้ายมาเล่นให้กับอาร์เซนอล และอาร์แซน เวนเกอร์ เพราะที่นี่คือลอนดอน
วันเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาคือนักเตะที่ยกระดับอาร์เซนอลให้กลายเป็นทีมที่มีศักยภาพที่จะแข่งขันกับทีมระดับท็อปได้ทั่วยุโรป จึงมีการพูดกันว่า หากวันนั้นลิเวอร์พูลได้ตัวเขามาร่วมทีม - ไม่ใช่มาริโอ บาโลเตลลี่ และริคกี้ แลมเบิร์ต - บางทีนอกจากร็อดเจอร์ส อาจจะไม่ต้องออกจากตำแหน่ง ยังอาจมีโอกาสได้ลุ้นแชมป์หรือแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกปีด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ดี นี่คือสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ของทีมที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง โดยเฉพาะทีมจากตอนเหนือ

เงินตราและสีสันเป็นแรงดึงดูดที่สำคัญ เช่นกันกับการเดินทางที่ทำให้ทีมจากตอนใต้ของลอนดอนซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่นานมากกลายเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดมากกว่าการติดแหง่กในเมืองเหนือ
สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติตัวเองเล่มใหม่ว่า เขาถูกขอร้องให้ช่วยกล่อมสตาร์หลายรายมาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซิส, วิลเลี่ยน และโทนี่ โครส
แต่ความพยายามทุกครั้งล้มเหลวทั้งหมด
อาจฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่สำหรับทีมตอนเหนือที่ไม่ใช่ 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ เรื่องนี้ไม่ตลกแม้แต่น้อย
(
source)
No comments: