หมอหยองรับหมิ่นเบื้องสูง สารวัตรเอี๊ยด-อาท ร่วมด้วย

[post_ad]

"ศรีวราห์" เผย "หมอหยอง"พร้อมพวก รับสารภาพคดีหมิ่นเบื้องสูง เผย 'คสช.' เป็นผู้ตรวจพบพบมีพฤติการณ์แอบอ้าง เรียกรับผลประโยชน์ ภายหลังคุมตัวสอบ ก่อนแจ้งตำรวจดำเนินคดี กรณีพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 112 จำนวน 3 ราย ได้แก่ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา สารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ปอท.) นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ "หมอหยอง" และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ "อาท ชัตเตอร์มหาเทพ" คนสนิทของนายสุริยันต์ ไปขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขังผัดแรก ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น พล.ต.ท.ศรีวาห์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ต้องหาที่นำตัวมาทั้ง 3 คน ได้แก่ นายสุริยัน, พ.ต.ต.ปรากรม และนายจิรวงศ์ โดยตั้งข้อกล่าวหาแอบอ้างเบื้องสูงและมีการออกหมายจับทั้ง 3 นาย เบื้องต้นทั้งหมดให้การรับสารภาพ ส่วนหลักฐานและพฤติการณ์ที่จะบ่งชี้ความผิดอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังมีข้อหาอื่นอีกด้วย รวมถึงเรื่องอาวุธสงคราม โดยในวันนี้ นำตัวทั้ง 3 คนมาฝากขัง หลังจากที่ทหารนำตัวมาส่ง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนจะเชื่อมโยงกับตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่นั้น หากมีหลักฐานก็จะต้องดำเนินการ สำหรับการดำเนินการต่อไปนั้น เราจะรวบรวมพยานหลักฐานให้อัยการทหารส่งฟ้อง ถ้ามีหลักฐานพาดพิงถึงผู้ร่วมขบวนการอีก ทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เมื่อถามว่า ทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมมานานหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวาห์ กล่าวว่า มาแล้วพอสมควร มากกว่า 1-2 เดือน ส่วนจะทำเป็นขบวนการหรือไม่ ก็อยู่ที่ตามหมายจับ จะมากกว่า 3 คนหรือไม่ ก็อาจมีอีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตนไม่สามารถตอบตอนนี้ได้ หากมีหลักฐานพาดพิงถึงใครก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนเพิ่มอีกหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ เพราะข้อหาแอบอ้างเบื้องสูงมีโทษร้ายแรง เมื่อถามว่า นายตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกโยกย้าย มีการออกหมายจับหรือยัง พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบ แต่ในส่วนของผม ยังไม่มีออกหมายจับ เพราะอยู่ในช่วงพิจารณาหลักฐาน หากใครผิดก็ต้องดำเนินการ ส่วนทั้ง 3 คนซัดทอดไปยังนายตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่ ต้องอยู่ที่พยานและหลักฐาน จะบอกว่าซัดทอดคงไม่ได้" เมื่อถามว่า กรณีนายสุริยัน จะต้องยุติบทบาทการทำงานทั้งหมดหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เมื่อเป็นผู้ต้องหาก็ต้องถูกจับกุมและคุมขัง แต่ไม่ทราบว่าจะต้องยุติหรือไม่ ณะนี้นายสุริยันเป็นผู้ต้องหาแล้ว เมื่อถามอีกว่า หนักใจหรือไม่ที่ต้องมาดูคดีดังกล่าว เพราะกระแสสังคมให้ความสนใจ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า เป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง ไม่สมควรมาพูดกันให้สนุกปาก แต่เรามีหน้าที่ทำตามกฎหมายก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่า จะมีการเรียกพยานที่เป็นนักธุรกิจมาสอบปากคำหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ถ้าหลักฐานพาดพิงถึง ก็ต้องสอบสวนอยู่แล้ว เพราะเป็นไปตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจกเอกสารการจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าว โดยมีรายละเอียดว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันกระทำความความผิดโดยมีพฤติการณ์แอบอ้างหรือแสดงออกในลักษณะต่างกรรมต่างวาระ เพื่อให้ประชาชนหรือบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจว่า ตนเองมีความใกล้ชิดกับสถาบันเบื้องสูง และได้เรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งได้กระทำความผิดตามกฎหมายอื่นๆอีกหลายฐานความผิด การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันฯ และความเสียหายอื่นๆในวงกว้าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมา เพื่อสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ ซึ่งจากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง จึงได้มอบหมายให้พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คสช.มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามป.อาญา มาตรา 112 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่ง 578/2558 ลงวันที่ 16 ต.ค.2558 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะ และพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้า กับพวก ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่า กลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิด ประกอบด้วย 1.นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ อายุ 53 ปี ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 27/2558 ลงวันที่ 18 ต.ค. 2558 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาณ ดูหมิ่น หรือเเสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ 2.นายจิรวงศ์ วัฒนเทวศิลป์ อายุ 39 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพ 30/2558 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2558 ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาณ ดูหมิ่น หรือเเสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ 3.พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อายุ 44 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 29 /2558 ลงวันที่ 20 ต.ค. 2558 ข้อหามีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอมร่วมกันหมิ่นประมาณ ดูหมิ่น หรือเเสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ฯ รวม 3 คน พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับบุคคลดังกล่าวดำเนินคดีตามกฏหมาย ต่อมาในวันที่ 21 ต.ค. ครบกำหนดการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้แก่พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาและจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดี (source)