'สหรัฐ' ตกลง 'รัสเซีย' เลี่ยงปะทะในซีเรีย

กองทัพสหรัฐและรัสเซียลงนามในบันทึกความเข้าใจ กำหนดขั้นตอนและกฎเกณฑ์เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะระหว่างกองทัพสองฝ่ายที่ปฏิบัติการโจมตีไอเอสในซีเรีย

[post_ad]

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า นายปีเตอร์ คุก โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) แถลงเมื่อวันอังคารว่า กองทัพสหรัฐและรัสเซีย ได้บรรลุข้อตกลงร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างกองกำลังของทั้งสองฝ่ายที่ปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายไอเอสในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของข้อตกลงถูกเก็บเป็นความลับตามคำร้องขอของรัสเซีย โดยมีเนื้อหาโดยสรุปครอบคลุมถึงมารยาทและระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัยในการบิน ซึ่งรวมถึงความเป็นมืออาชีพของนักบิน และการสื่อสารกันระหว่างสองฝ่าย นอกจากนี้ยังเห็นชอบในการรักษา "ระยะปลอดภัย" ระหว่างอากาศยานทั้งสองฝ่าย หลังกองทัพสหรัฐเคยร้องเรียนถึงการที่เครื่องบินรบของรัสเซียเข้าใกล้ในระยะที่อันตราย อย่างไรก็ตาม นายคุก กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้แปลว่าสหรัฐจะให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนปฏิบัติการของกองทัพรัสเซียในซีเรีย และจะไม่มีการแบ่งปันข้อมูลด้านข่าวกรองและเป้าหมาย โดยสหรัฐยังคงมีความกังวลต่อภารกิจทางทหารของรัฐบาลมอสโกในซีเรีย และเชื่อว่าเป็นการมุ่งเป้าไปที่กลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด มากกว่าจะเป็นการโจมตีกลุ่มไอเอสตามที่ทางการรัสเซียอ้าง ขณะที่แถลงการณ์จากนายอนาโตลี อันโตนอฟ รมช.กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า การเจรจาครั้งนี้นับเป็นก้าวที่สำคัญ ที่อาจนำไปสู่การร่วมมือกันในอนาคตระหว่างสหรัฐและรัสเซียในปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งรัสเซียมีความพร้อมเต็มที่ที่จะยกระดับขยายขอบเขตออกไป โดยนายอันโตนอฟ เผยว่า นอกจากการจัดตั้งช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุมแล้ว ยังได้กำหนดกลไกการทำงานในการให้ความช่วยเหลือแต่ละฝ่ายในกรณีที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤต โดยข้อตกลงนี้จะบังคับใช้กับกองทัพชาติอื่นที่เข้าร่วมในกองกำลังร่วมที่มีสหรัฐเป็นผู้นำ ซึ่งประกอบไปด้วยออสเตรเลีย บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งนี้ พล.ร.อ.โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพสหรัฐ (เจซีเอส) เผยเมื่อวันอังคารหลังการเดินทางเยือนเมืองเออร์บิลของอิรัก เพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อบาดี ผู้นำอิรัก และนายคาเหล็ด อัล-โอเบดี รมว.กระทรวงกลาโหมอิรัก ว่า รัฐบาลแบกแดดให้คำมั่นว่า จะไม่มีการร้องขอให้กองทัพรัสเซียเข้าช่วยเหลือในปฏิบัติการต้อต้านก่อการร้ายในประเทศ หลังนายอัล-อาบาดี เคยแสดงท่าทีก่อนหน้านี้ว่ายินดีหากกองทัพรัสเซียจะใช้ปฏิบัติการทางอากาศในอิรัก โดย พล.ร.อ.ดันฟอร์ด กล่าวว่า คงเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐในการให้ความช่วยเหลือกองทัพอิรัก หากมีกองทัพรัสเซียปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่เดียวกัน. (source)