ซิป้า ชี้ธุรกิจไทยควรใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มรายได้ยุคดิจิตอล

[post_ad]

ซิป้า ผนึก ทีดีอาร์ไอ ศึกษาธุรกิจไทย 5 กลุ่มตัวอย่าง ประสบความสำเร็จในการใช้ซอฟต์แวร์ไทยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ชี้ภาครัฐควรสร้างความเข้าใจให้กลุ่มเอสเอ็มอีถึงข้อดีจากการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มรายได้และลดต้นทุน

วันนี้ (22 ต.ค.) ที่สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการซิป้า กล่าวว่า ซิป้าได้ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์ของภาคธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิตอลเพื่อศึกษาแนวปฏิบัติ เชิงยุทธศาสตร์ของการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ ประกอบการตลอดจนช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี หันมาใช้ซอฟต์แวร์และเห็นประโยชน์ของการใช้ซอฟต์แวร์ให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษา พบว่า ปัจจุบันธุรกิจไทยได้นำซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีดิจิตอลไปใช้ประโยชน์ในหลาก หลายธุรกิจทั้งในแง่ของการเพิ่มผลผลิต ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ดังนั้นภาครัฐควรมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้ซอฟต์แวร์ในธุรกิจไทยที่พบ ว่าธุรกิจไทยโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอียังขาดความรู้ในเรื่องประโยชน์ที่จะได้ จากซอฟต์แวร์ ทั้งนี้ภาครัฐเองก็ควรที่จะสนับสนุนผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไทยกลุ่มสตาร์ทอัพให้มี จำนวนมากขึ้นและควรใช้มาตรการจูงใจด้านการเงิน เช่นการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือมาตรการทางภาษี เป็นต้น

ด้านนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ทีดีอาร์ไอได้เริ่มศึกษาตั้งแต่เดือนพ.ค.-ต.ค.2558 โดยสัมภาษณ์ผู้ใช้บริการซอฟต์แวร์จำนวน 5 กรณีศึกษาที่เจาะกลุ่มตัวอย่างในหลายธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจบริการท่องเที่ยวและโรงแรม โดยใช้ซอฟต์แวร์ของโคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนลในการบริหารจัดการห้องพัก การจองห้องออนไลน์ และบริหารจัดการภายใน เช่น บัญชีการเงิน และส่งเสริมการตลาดทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 38.4 ล้านบาท

2.ธุรกิจบริการขนส่งโดยบริษัท ออลไทย แท็กซี่ ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นเองเพื่อแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพและคุณภาพของแท็กซี่ จนสามารถเพิ่มเวลาให้บริการมากกว่า 42.8% หรือมีรายได้เพิ่มขึ้น 900 บาทต่อคันต่อวัน เมื่อเทียบกับแท็กซี่ทั่วไป 3.ธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้าง 4.ธุรกิจบริการรักษาความปลอดภัย และ 5.ธุรกิจผลิตสิ่งพิมพ์ซึ่งทั้งหมดได้ใช้ซอฟแวร์ที่ผลิตเองโดยคนไทยที่สามารถ ควบคุมราคาค่าบริการได้ โดยการใช้ซอฟต์แวร์มาช่วยบริหารจัดการธุรกิจในยุคดิจิตอลนั้นสามารถช่วย เพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ ทั้งการเพิ่มผลิตภาพเพิ่มรายได้และลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางองค์กรสามารถเพิ่มรายได้ถึงปีละหลัก 100 ล้านบาท

“อยากให้ภาครัฐช่วยประชาสัมพันธ์และเสนอกรณีตัวอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในการใช้ซอฟต์แวร์โดยชี้ถึงประโยชน์จากการใช้ซอฟต์แวร์บริหารจัดการ องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและควรจัดให้มีคลีนิคซอฟต์แวร์เพื่อให้คำปรึกษาการ ใช้ซอฟต์แวร์ของธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งหน่วยงานรัฐเองจะต้องเป็น ตัวอย่างในการใช้ซอฟต์แวร์ไทยด้วย” นายสมเกียรติกล่าว



(source)