ถอดรหัสดราม่า'ตระกูลชิน' คิว'ท็อปบู๊ต'ปรับแผนรับมือ

[post_ad]

หนังเรื่องเดิมถูกนำมาฉายซ้ำ เปลี่ยนตัวละครใหม่ จากนายใหญ่เป็นนายหญิง หนังดราม่าเรื่องนี้จะเรียกน้ำตาจากคนดูได้ไม่น้อย คะแนนสงสารยิ่งลักษณ์อาจตีตื้นคะแนนนิยมพล.อ.ประยุทธ์ขึ้นมาก็ได้

หลังท็อปบู๊ตตั้งหลักเดินหน้าสู่โหมดร่างรัฐธรรมนูญ ยกเครื่องประเทศยกสอง ตามด้วย“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เล่นบทนิ่งสยบความเคลื่อนไหวกระตุกอุณหภูมิการเมืองลงได้หลายองศา

แต่ใช่ว่าจะไร้ลมร้อนมาปะทะร่าง เพราะล่าสุด“พี่น้องตระกูลชิน” อัพเลเวลปรับแผนเรียกคะแนนสงสาร ผันตัวเองเข้าสู่โหมดดราม่า!!!

สเต็ปแรกเริ่มจากบทบาท“นายใหญ่”อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร”ที่หยุดเคลื่อนไหวในเวทีปราศรัยในต่างประเทศ แล้วหันมากระตุกอารมณ์แฟนคลับในประเทศด้วยการออกหนังสือชีวประวัติ“ทักษิณ ชินวัตร ชีวิตและงาน”

เนื้อหามีสาระ5ปมหลัก ทั้ง1. การสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ2. ความรักจากครอบครัว คือ พื้นฐานแรก3. กว่าจะสำเร็จได้ ด้วยวิสัยทัศน์ และความกล้า4. สร้างประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ และ 5. ชีวิตหลังรัฐประหาร กับภารกิจที่ยังไม่สิ้นโดยมีลูกเลิฟ ทั้ง“โอ๊ค-เอม-อิ๊ง”ร่วมวงตีปี๊บโปรโมตหนังสือ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อดีตนายกรัฐมนตรีจะทำหนังสือชีวประวัติ แต่รัฐบาลและ คสช. จะนิ่งดูดายไม่ได้ เพราะหากเนื้อหาในหนังสือเป็นการสร้างชุดความจริงที่สวนทางกับความจริงที่ สังคมรับรู้ในช่วงที่ผ่านมา อาจจะปลุกความสับสนในสังคม เป็นจุดดึงมวลชนเสื้อแดงไม่ให้ก้าวข้าม“ทักษิณ”จมอยู่กับกับดักประชาธิปไตย ยากที่จะเดินเข้าสู่โหมดปรองดอง

หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ต้องเรียกได้ว่าน่าจับตามองยิ่งกว่าตอนที่“นาย ใหญ่”ออกแรงเคลื่อนในต่างประเทศ เพราะครั้งนี้นักการตลาดตัวพ่ออย่าง “ทักษิณ”วางเกมขายหนังสือตามแผงทั่วประเทศ เท่ากับว่าจะปลุกคะแนนสงสารเรียกคะแนนนิยมได้ทุกหย่อมหญ้า

รัฐบาลจึงไม่ควรมองข้าม สงครามการสื่อสารและควรเตรียมแผนรับมือไม่ใช่จะออกมาพูดทำนองว่าไม่ได้ ติดตามเพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับ เพราะมันจะเสียรู้และไม่เข้าตำรา“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”

สเต็ปต่อมาเป็นโหมดดราม่าของ“นายหญิง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่หันหน้าเข้าหลักธรรมะ เดินสายทำบุญ เช็กเรตติ้ง รักษาคะแนนนิยมของประชาชน พร้อมเดินเกม“เปิดหน้าสู้ในแง่คดีความ”โดยเฉพาะปมร้อนคดีจำนำข้าว ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง โดยเริ่มจากการฟ้องร้อง4 อดีตอัยการสูงสุด ในคดีจำนำข้าว ในความผิดอาญาฐานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแต่ศาลก็ยกฟ้องไป แต่ก็ยังมีข่าวว่าจะมีการใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญาต่อศาล อุทธรณ์ต่อไป

ส่วนในคดีทางแพ่งก็เดินเกมตอบโต้รัฐบาลท็อปบู๊ต ด้วยการทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ พร้อมร่อนจดหมายเปิดผนึก ถึง“บิ๊กตู่”โต้แย้งคัดค้านและขอความเป็นธรรม เกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดโดยละเมิด

และล่าสุดที่จุดประเด็น“ดราม่า”เมื่อการเดินทางไปทำบุญของน.ส.ยิ่งลักษณ์ใน จ.หนองคาย ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ติดตามการเคลื่อนไหวจำนวนมาก นอกจากนั้น ในจังหวะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารได้ถ่ายภาพขณะกำลังเดินเข้าห้องน้ำทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่พอใจอย่างมาก

ซึ่งแน่นอนว่าแทบเป็นบริบทเดียวกันกับ“ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ”แกนนำคนเสื้อแดงซึ่งล่าสุดได้ออกมาโพสต์ภาพขณะเทเครื่องดื่มออก จากกระติกน้ำที่แปะป้าย “ทหารมาบ้านติดต่อกันเดือนกว่าแล้ว”เกาะกระแสดาราถ่ายรูปคู่กับเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์

นอกจากนั้นยังมีกองหนุนออกมาป่าวประกาศปกป้อง“ยิ่งลักษณ์”โดยบอกว่าโครงการ รับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะชาวนาผู้ยากจน เพื่อให้คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาวนา เพื่อให้สินค้าเกษตรที่ชาวนาผลิตคือข้าวเปลือก ได้รับผลตอบแทนสูงสุดไม่ใช่โครงการเพื่อการพาณิชย์ที่ไม่สามารถเอากำไรขาด ทุนมาชี้วัดแต่กลับทำให้“นายหญิง”ต้องรับโทษที่มองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้คนกลุ่มหนึ่งสะใจ หรือบางคนถึงขั้นออกมาพูดแบบสง่าผ่าเผยยืนยันว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมา เป็นรัฐบาล เราจะเลือกที่จะแบกรับภาระความเสี่ยงเรื่องราคาไว้แทนชาวนาด้วยการดำเนิน โครงการรับจำนำข้าวต่อไป

แม้จะมองได้ว่าปรากฏการณ์ข้างต้นจะเป็นการ “ดิ้น” ของยิ่งลักษณ์และพลพรรคเพื่อไทยแต่หากปล่อยให้มีการดิ้นในลักษณะนี้ต่อไปก็ ไม่ใช่ผลดีแน่ เพราะจะเป็นหนังเรื่องเดียวกับที่“ทักษิณ”เคยแสดงเพื่อเรียกคะแนนสงสารมา ก่อนหน้านี้ โดยคำว่า“ถูกกลั่นแกล้ง และอยากกลับบ้าน”

เมื่อหนังเรื่องเดิมถูกนำมาฉายซ้ำ โดยเปลี่ยนตัวละครใหม่ จากนายใหญ่เป็นนายหญิง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังดราม่าเรื่องนี้จะเรียกน้ำตาจากคนดูได้ไม่น้อย และไม่แน่อาจจะมีคะแนนสงสาร“ยิ่งลักษณ์”ตีตื้นคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาก็ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดในโซนฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย

รัฐบาลจึงควรจะจับตามองประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ไม่แพ้ประเด็นหนังสือชีวประวัติของ“ทักษิณ”เพราะอาจจะกลายเป็นชนวนใหม่ ในการปลุกมวลชนขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้

และนอกจากจะต้องปรับแผนรับมือกับโหมดดราม่าแล้ว รัฐบาลเองก็ต้องเล่นบทฮีโร่บ้าง เพราะเท่าที่เห็นรัฐบาลไม่ได้เล่นบทบาทฮีโร่มานานแล้ว โดยเฉพาะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจทีมใหม่แต่หน้าเก่า ต้องวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อลดปัญหาปากท้องของประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมรับมือความเสี่ยงในอนาคต โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร ที่หลังจากนี้ผลผลิตทางการเกษตรหลายชนิดจะออกมาสู่ท้องตลาดมหาศาล ซึ่งจะเป็นบททดสอบของทีมเศรษฐกิจทีมนี้เลยว่าเจ๋งจริงหรือเปล่า

โดยเฉพาะ“ข้าว”ที่ผ่านมามีปัญหาข้าวเน่า ข้าวไม่ได้มาตรฐาน ที่เป็นผลพวงจากโครงการจำนำข้าว เมื่อมีข้าวลอตใหม่ออกมารัฐบาลจะทำอย่างไร กับการค้าขายและส่งออกข้าว จะฟื้นฟูธุรกิจข้าวไทยให้กลับมาในสภาพเดิมได้หรือไม่ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป

หากรัฐบาลมีแผนรับมือกับเรื่องดราม่า และทีมเศรษฐกิจมีผลงานที่น่าชื่นอกชื่นใจ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง

แต่หากรัฐบาลขาดแผนรับมือในโหมดดราม่า และเศรษฐกิจยังตกสะเก็ด ประชาชนไม่ได้กินอิ่มนอนอุ่น ก็ไม่แน่ว่าเกมดราม่าที่อีกฝ่ายกำลังเล่นอาจจะนำไปสู่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็ เป็นได้และถึงตอนนั้นชื่อ“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”คงวิลิศมาหราในหมู่คนรากหญ้า คนหาเช้ากินค่ำ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.







(source)